คอม from Supanan Fom
วันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2559
วันอาทิตย์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559
เรื่อง ประเภทของระบบสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ
ประเภทของระบบสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ
ระบบสารสนเทศที่ดีจะช่วยให้ผู้ใช้ในทุกระดับขององค์กรตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง ประเภทของระบบสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจแบ่งตามผู้ใช้งานเป็น 2 ประเภท คือระบบสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจของบุคคลและระบบสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจแบบกลุ่ม
ระบบสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจของบุคคล
ระบบสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจแบบกลุ่ม
ระบบสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจของบุคคล
ระบบสารสนเทศสนับสนุนการตัดสินใจของบุคคล เป็นระบบสารสนเทศที่มีผู้ใช้หรือผู้ตัดสินใจเพียงคนเดียว ดังนั้นผู้ใช้จึงต้องมีอำนาจในการตัดสินใจ ระบบสารสนเทศประเภทนี้มีอีกชื่อหนึ่งว่า ระบบสารสนเทศของผู้บริหาร หรือ (EIS) (Executive Information System ) ซึ่งเป็นระบบสารสนเทศที่ช่วยสนับสนุนการวิเคราะห์ปัญหา ศึกษาแนวโน้มของเรื่องที่สนใจ ส่วนใหญ่จะนำเสนอสารสนเทศในรูปแบบของรายงาน ตารางและกราฟ เพื่อสรุปสารสนเทศให้เข้าใจง่ายและประหยัดเวลา เช่น บริษัทแห่งหนึ่งต้องการเปิดสาขาเพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้น ผู้บริหารจึงนำเข้าข้อมูลต่างๆ ของบริษัทไว้ในฐานข้อมูลของ EIS เพื่อประมวลผลตามแบบจำลองที่สร้างไว้
ลักษณะพิเศษของEIS คือ ไม่จำเป็นต้องติดตั้งหรือทำงานบนเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ใช้ควรมีประสิทธิภาพสูงเพื่อให้สามารถประมวลผลข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและมีคุณภาพ EIS ในแต่ละซอฟต์แวร์หรือ EIS ของแต่ละบริษัทจะมีประโยชน์และรายละเอียดต่างๆแตกต่างกันตามแบบจำลองเฉพาะงานที่สร้างขึ้น แต่ EIS ทุกซอฟต์แวร์จะมีประโยชน์โดยรวมเหมือนกันดังนี้
– ช่วยในการตัดสินใจมีประสิทธิภาพมากขึ้น
– ช่วยประหยัดเวลาในการสร้างความเข้าใจและตัดสินใจของผู้บริหาร
– สามารถนำสารสนเทศจาก EIS ไปอ้างอิงเพื่อดำเนินการทางธุรกิจได้สะดวกยิ่งขึ้น
สารสนเทศเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจของ EIS มีรูปแบบที่หลากหลายนับตั้งแต่สิ่งตีพิมพ์ที่แสดงข้อความ ภาพนิ่ง กราฟและแผนภูมิไปจนถึงมุลติมีเดียที่มีความซับซ้อนขึ้นไป โดยสารสนเทศทุกรูปแบบต้องมีความชัดเจนและเข้าใจง่าย
ระบบสารสนเทศสนับสนุนการตัดสินใจแบบกลุ่ม
ระบบสารสนเทศสนับสนุนการตัดสินใจแบบกลุ่มหรือ GDSS (group decision support system) เป็นระบบสารสนเทศที่พฒนามาจากระบบสารสนเทศสนบสนุนการตัดสินใจของบุคคลเรื่องจากการทำงานภายในองค์กรมักใช้การวิเคราะห์ข้อมูลจากผู้ใช้ที่มีจำนวนมากกว่า 1 คนในการตัดสินใจการแก้ปัญหา ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือในผลการตัดสินใจนั้น ๆ การนำ GDSS มาใช้ในองค์กรจึงเป็นการเปลี่ยนแปลงลักษณะการทำงานจากการเก็บรวบรวมข้อมูลไว้ที่ผู้ใช้คนใดคนหนึ่งมาเก็บรวบรวมไว้ในระบบฐานข้อมูล บุคลากรทุกคนในองค์กรมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและส่งเสริมการตัดสินใจขององค์กร ตัวอย่างการใช้งาน GDSS เช่น บริษัทแห่งหนึ่งต้องการปรับเปลี่ยนเวลาทำงานของพนักงานบริษัท จึงมีการรวบรวมข้อมูลและความคิดเห็นของพนักงานทุกคนไว้ในฐานข้อมูลของ GDSS เพื่อประมวลผลตามแบบจำลองที่สร้างไว้ จากนั้นผู้บริหารหลาย ๆ ฝ่ายร่วมกันตัดสินใจว่าควรจะดำเนินการอย่างไร
แผนผังแสดงการใช้งาน GDSS เพื่อปรับเปลี่ยนเวลาการทำงานของพนักงาน
จากแผนผังแสดงการใช้งาน GDSS เพื่อปรับเปลี่ยนเวลาการทำงานของพนักงานจะเห็นได้ว่าผู้ใช้ GDSS มีจำนานมากกว่า 1 คน ดังนั้น GDSS จึงต้องทำงานบนเครือข่ายคอมพิวเตอร์และมีอุปกรณ์ส่งเสริมการทำงานร่วมกันเป็นกลุ่มติดตั้งเพิ่มขึ้นในระบบสารสนเทศ GDSS ทำให้เกิดประโยชน์ดังนี้
1. เกิดความร่วมมือกันภายในองค์กรมากยิ่งขึ้น เนื่องจากทุกคนในองค์กรสามารถแสดงความคิดเห็นหรือนำข้อมูลใน GDSS ได้
2. ลดอคติต่อแหล่งที่มาของข้อมูลและช่วยกระตุ้นความคิดเห็นใหม่ ๆ เนื่องจากผู้แสดงความคิดเห็นผ่านทาง GDSS ไม่จำเป็นต้องแสดงข้อมูลของตนเอง
3. ลดปัญหาความขัดแย้งของข้อมูล เนื่องจาก GDSS จะรวบรวมข้อมูลจากฐานข้อมูลเดียวเท่านั้น ข้อมูลที่นำเสนอไปยังผู้ใช้ทุกคนจึงเป็นข้อมูลเดียวกัน
4. เพิ่มประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือของผลการตัดสินใจ เนื่องจากเป็นผลการตัดสินใจจากผู้ใช้หลายคน
ปัจจุบันมีการนำ GDSS มาใช้งานอย่างหลากหลายมากยิ่งขึ้น เช่น การประชุมทางไกล การสอบถามความคิดเห็น การลงคะแนนเสียง
แหล่งอ้างอิง : https://abutkun.wordpress.com/%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%AA/
แหล่งอ้างอิง : https://abutkun.wordpress.com/%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%AA/
วันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2559
Blog งานกลุ่มเรื่อง ครองแครงกรอบ
สรุปประโยชน์จากการทำงานกลุ่ม
1) ทำให้เกิดความสามัคคีกันในกลุ่ม
2) ทำให้ได้เรียนรู้การทำงานเป็นกลุ่ม มีการวางแผนการทำงานร่วมกัน การแสดงและรับฟังความคิดเห็นของคนในกลุ่ม
3) ทำให้รู้จักหน้าที่ของตนเอง
4) ทำให้รู้จักการเป็นผู้นำและผู้ตามที่ดี
5)ทำให้เกิดความคิด แก้ไขปัญหาด้วยตนเอง
วันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2559
ใบงานที่ 6 ตัวอย่างโครงงาน
1) โครงงานเรื่อง : ตุ๊กตาจากเปลือกข้าวโพด
ชื่อเว็บ : http://corndoll.blogspot.com/
ชื่อเว็บ : http://corndoll.blogspot.com/
2) โครงงานเรื่อง : หน้าใสด้วยดินสอพอง
ชื่อเว็บ : http://dinsopong-beauty.blogspot.com/
3) โครงงานเรื่อง : กะลามะพร้าวใส่เทียนหอม
ชื่อเว็บ : http://candlecocoshell.blogspot.com/
วันอาทิตย์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2559
ใบงานที่ 5
ขั้นตอนการทำโครงงานคอมพิวเตอร์
1. คัดเลือกหัวข้อโครงงานที่สนใจ
2. ศึกษาค้นคว้าจากเอกสารและแหล่งข้อมูล
3. จัดทำเค้าโครงของโครงงาน
4. การลงมือทำโครงงาน
5. การเขียนรายงาน
6. การนำเสนอและแสดงโครงงาน
2. ศึกษาค้นคว้าจากเอกสารและแหล่งข้อมูล
3. จัดทำเค้าโครงของโครงงาน
4. การลงมือทำโครงงาน
5. การเขียนรายงาน
6. การนำเสนอและแสดงโครงงาน
1. คัดเลือกหัวข้อโครงงานที่สนใจ
โดยทั่วไปเรื่องที่จะนำมาพัฒนาเป็นโครงงานคอมพิวเตอร์ มักจะได้มาจากปัญหา คำถาม หรือความสนใจในเรื่องต่างๆ จากการสังเกตสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบคอมพิวเตอร์ หรือสิ่งต่างๆ รอบตัว ปัญหาที่จะนำมาพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ได้จากแหล่งต่างๆ กัน ดังนี้
โดยทั่วไปเรื่องที่จะนำมาพัฒนาเป็นโครงงานคอมพิวเตอร์ มักจะได้มาจากปัญหา คำถาม หรือความสนใจในเรื่องต่างๆ จากการสังเกตสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบคอมพิวเตอร์ หรือสิ่งต่างๆ รอบตัว ปัญหาที่จะนำมาพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ได้จากแหล่งต่างๆ กัน ดังนี้
1. การอ่านค้นคว้าจากหนังสือ เอกสาร หนังสือพิมพ์ หรือวารสารต่างๆ
2. การไปเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ
3. การฟังบรรยายทางวิชาการ รายการวิทยุและโทรทัศน์ รวมทั้งการสนทนาอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างเพื่อนนักเรียนหรือกับบุคคลอื่นๆ
4. กิจกรรมการเรียนการสอนในโรงเรียน
5. งานอดิเรกของนักเรียน
6. การเข้าชมงานนิทรรศการหรืองานประกวดโครงงานคอมพิวเตอร์
2. การไปเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ
3. การฟังบรรยายทางวิชาการ รายการวิทยุและโทรทัศน์ รวมทั้งการสนทนาอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างเพื่อนนักเรียนหรือกับบุคคลอื่นๆ
4. กิจกรรมการเรียนการสอนในโรงเรียน
5. งานอดิเรกของนักเรียน
6. การเข้าชมงานนิทรรศการหรืองานประกวดโครงงานคอมพิวเตอร์
ในการตัดสินใจเลือกหัวข้อที่จะนำมาพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ ควรพิจารณาองค์ประกอบสำคัญ ดังนี้
1. ต้องมีความรู้และทักษะพื้นฐานอย่างเพียงพอในหัวข้อเรื่องที่จะศึกษา
2. สามารถจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ และวัสดุอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องได้
3. มีแหล่งความรู้เพียงพอที่จะค้นคว้าหรือขอคำปรึกษา
4. มีเวลาเพียงพอ
5. มีงบประมาณเพียงพอ
6. มีความปลอดภัย
2. สามารถจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ และวัสดุอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องได้
3. มีแหล่งความรู้เพียงพอที่จะค้นคว้าหรือขอคำปรึกษา
4. มีเวลาเพียงพอ
5. มีงบประมาณเพียงพอ
6. มีความปลอดภัย
2. ศึกษาค้นคว้าจากเอกสารและแหล่งข้อมูล
การศึกษาค้นคว้าจากเอกสารและแหล่งข้อมูล ซึ่งรวมถึงการขอคำปรึกษาจากผู้ทรงคุณวุฒิ จะช่วยให้นักเรียนได้แนวคิดที่ใช้ในการกำหนดขอบเขตของเรื่องที่จะศึกษาได้เฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น รวมทั้งได้ความรู้เพิ่มเติมในเรื่องที่จะศึกษาจนสามารถใช้ออกแบบและวางแผนดำเนินการทำโครงงานนั้นได้อย่างเหมาะสม ในการศึกษาจะต้องได้คำตอบว่า
1. จะทำ อะไร
2. ทำไมต้องทำ
3. ต้องการให้เกิดอะไร
4. ทำอย่างไร
5. ใช้ทรัพยากรอะไร
6. ทำกับใคร
7. เสนอผลอย่างไร
2. ทำไมต้องทำ
3. ต้องการให้เกิดอะไร
4. ทำอย่างไร
5. ใช้ทรัพยากรอะไร
6. ทำกับใคร
7. เสนอผลอย่างไร
3. องค์ประกอบของเค้าโครงของโครงงาน
รายงาน | รายละเอียดที่ต้องระบุ |
ชื่อโครงงาน | ทำอะไร กับใคร เพื่ออะไร |
ประเภทโครงงาน | วิเคราะห์จากลักษณะของประโยชน์หรือผลงานที่ได้ |
ชื่อผู้จัดทำโครงงาน | ผู้รับผิดชอบโครงงาน อาจเป็นรายบุคคล หรือรายกลุ่มก็ได้ |
ครูที่ปรึกษาโครงงาน | ครู-อาจารย์ผู้ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา และควบคุมการทำโครงงานของนักเรียน |
ครูที่ปรึกษาร่วม | ครู-อาจารย์ผู้ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาร่วม ให้คำแนะนำในการทำโครงงานของนัีกเรียน |
ระยะเวลาดำเนินงาน | ระยะเวลาการดำเนินงานโครงงาน ตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุด กำหนดเป็นวัน หรือ เดือนก็ได้ |
แนวคิด ที่มา และความสำคัญ | สภาพปัจจุบันที่เป็นความต้องการและความคาดหวังที่จะเกิดผล |
วัตถุประสงค์ | สิ่งที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดโครงงานทั้งในเชิงกระบวนการ และผลผลิต |
หลักการและทฤษฎี | หลักการและทฤษฎีที่นำมาใช้ในการพัฒนาโครงงาน |
วิธีดำเนินงาน | กิจกรรมหรือขั้นตอนการดำเนินงาน เครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์ งบประมาณ และผู้ัรับผิดชอบ |
ขั้นตอนการปฏิบัติ | วัน เวลา และกิจกรรมดำเนินการต่างๆ ตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุด |
ผลที่คาดว่าจะได้รับ | สภาพของผลที่ต้องการให้เกิด ทั้งที่เป็นผลผลิต กระบวนการ และผลกระทบ |
เอกสารอ้างอิง | สื่อเอกสาร ข้อมูลที่ได้จากแหล่งต่างๆ ที่นำมาใช้ในการดำเนินงาน |
4. การลงมือทำโครงงาน
เมื่อเค้าโครงของโครงงานได้รับความเห็นชอบจากอาจารย์ที่ปรึกษาแล้ว ก็เสมือนว่าการจัดทำโครงงานได้ผ่านพ้นไปแล้วมากกว่าครึ่ง ขั้นตอนต่อไปจะเป็นการลงมือพัฒนาตามขั้นตอนที่วางแผนไว้ ดังนี้
เมื่อเค้าโครงของโครงงานได้รับความเห็นชอบจากอาจารย์ที่ปรึกษาแล้ว ก็เสมือนว่าการจัดทำโครงงานได้ผ่านพ้นไปแล้วมากกว่าครึ่ง ขั้นตอนต่อไปจะเป็นการลงมือพัฒนาตามขั้นตอนที่วางแผนไว้ ดังนี้
4.1 การเตรียมการ
การเตรียมการ ต้องเตรียมเครื่องคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ และวัสดุอื่นๆ ที่จะใช้ในการพัฒนาให้พร้อมด้วย และควรเตรียมสมุดบันทึกหรือบันทึกเป็นแฟ้มข้อความไว้ในระบบคอมพิวเตอร์ สำหรับบันทึกการทำกิจกรรมต่างๆ ระหว่างทำโครงงาน ได้แก่ ได้ปฏิบัติอย่างไร ได้ผลอย่างไร มีปัญหาและแก้ไขได้หรือไม่อย่างไร รวมทั้งข้อสังเกตต่างๆ ที่พบ
การเตรียมการ ต้องเตรียมเครื่องคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ และวัสดุอื่นๆ ที่จะใช้ในการพัฒนาให้พร้อมด้วย และควรเตรียมสมุดบันทึกหรือบันทึกเป็นแฟ้มข้อความไว้ในระบบคอมพิวเตอร์ สำหรับบันทึกการทำกิจกรรมต่างๆ ระหว่างทำโครงงาน ได้แก่ ได้ปฏิบัติอย่างไร ได้ผลอย่างไร มีปัญหาและแก้ไขได้หรือไม่อย่างไร รวมทั้งข้อสังเกตต่างๆ ที่พบ
4.2 การลงมือพัฒนา
1. ปฏิบัติตามแผนงานที่วางไว้ในเค้าโครง แต่อาจเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมได้ถ้าพบว่าจะช่วยทำให้ผลงานดีขึ้น
2. จัดระบบการทำงานโดยทำส่วนที่เป็นหลักสำคัญๆ ให้แล้วเสร็จก่อน จึงค่่อยทำ ส่วนที่เป็นส่วนประกอบหรือส่วนเสริมเพื่อให้โครงงานมีความสมบูรณ์มากขึ้น และถ้ามีการแบ่งงานกันทำ ให้ตกลงรายละเอียดในการต่อเชื่อมชิ้นงานที่ชัดเจนด้วย
3. พัฒนาระบบงานด้วยความละเอียดรอบคอบ และบันทึกข้อมูลไว้อย่างเป็นระบบและครบถ้วน
1. ปฏิบัติตามแผนงานที่วางไว้ในเค้าโครง แต่อาจเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมได้ถ้าพบว่าจะช่วยทำให้ผลงานดีขึ้น
2. จัดระบบการทำงานโดยทำส่วนที่เป็นหลักสำคัญๆ ให้แล้วเสร็จก่อน จึงค่่อยทำ ส่วนที่เป็นส่วนประกอบหรือส่วนเสริมเพื่อให้โครงงานมีความสมบูรณ์มากขึ้น และถ้ามีการแบ่งงานกันทำ ให้ตกลงรายละเอียดในการต่อเชื่อมชิ้นงานที่ชัดเจนด้วย
3. พัฒนาระบบงานด้วยความละเอียดรอบคอบ และบันทึกข้อมูลไว้อย่างเป็นระบบและครบถ้วน
4.3 การทดสอบผลงานและแก้ไข
การตรวจสอบความถูกต้องของผลงาน เป็นความจำเป็นเพื่อให้แน่ใจว่าผลงานที่พัฒนาขึ้นทำงานได้ถูกต้องตรงกับความต้องการ ที่ระบุไว้ในเป้าหมายและทำด้วยประสิทธิภาพสูงด้วย
การตรวจสอบความถูกต้องของผลงาน เป็นความจำเป็นเพื่อให้แน่ใจว่าผลงานที่พัฒนาขึ้นทำงานได้ถูกต้องตรงกับความต้องการ ที่ระบุไว้ในเป้าหมายและทำด้วยประสิทธิภาพสูงด้วย
4.4 การอภิปรายและข้อเสนอแนะ
เมื่อพัฒนาผลงานเรียบร้อยแล้ว ให้จัดทำสรุปด้วยข้อความที่สั้นกะทัดรัดอย่างครอบคลุม เพื่อช่วยให้ผู้อ่านได้เข้าใจถึงสิ่งที่ค้นพบจากการทำโครงงาน และทำการอภิปรายผลด้วย เพื่อพิจารณาข้อมูลและผลที่ได้ พร้อมกับนำ ไปหาความสัมพันธ์กับหลักการ ทฤษฎี หรือผลงานที่ผู้อื่นได้ศึกษาไว้แล้ว ทั้งนี้ยังรวมถึงการนำหลักการ ทฤษฎี หรือผลงานของผู้อื่นมาใช้ประกอบการอภิปรายผลที่ได้ด้วย
เมื่อพัฒนาผลงานเรียบร้อยแล้ว ให้จัดทำสรุปด้วยข้อความที่สั้นกะทัดรัดอย่างครอบคลุม เพื่อช่วยให้ผู้อ่านได้เข้าใจถึงสิ่งที่ค้นพบจากการทำโครงงาน และทำการอภิปรายผลด้วย เพื่อพิจารณาข้อมูลและผลที่ได้ พร้อมกับนำ ไปหาความสัมพันธ์กับหลักการ ทฤษฎี หรือผลงานที่ผู้อื่นได้ศึกษาไว้แล้ว ทั้งนี้ยังรวมถึงการนำหลักการ ทฤษฎี หรือผลงานของผู้อื่นมาใช้ประกอบการอภิปรายผลที่ได้ด้วย
4.5 แนวทางการพัฒนาโครงงานในอนาคตและข้อเสนอแนะ
เมื่อทำโครงงานเสร็จสิ้นลงแล้ว นักเรียนอาจพบข้อสังเกต ประเด็นที่สำคัญ หรือปัญหา ซึ่งสามารถเขียนเป็นข้อเสนอแนะและสิ่งที่ควรจะศึกษาและหรือใช้ประโยชน์ต่อไปได้
เมื่อทำโครงงานเสร็จสิ้นลงแล้ว นักเรียนอาจพบข้อสังเกต ประเด็นที่สำคัญ หรือปัญหา ซึ่งสามารถเขียนเป็นข้อเสนอแนะและสิ่งที่ควรจะศึกษาและหรือใช้ประโยชน์ต่อไปได้
5. การเขียนรายงาน
การเขียนรายงานเป็นวิธีการสื่อความหมายเพื่อให้ผู้อื่นได้เข้าใจแนวคิด วิธีดำเนินการศึกษาค้นคว้า ข้อมูลที่ได้ ตลอดจนข้อสรุปและข้อเสนอแนะต่างๆ เกี่ยวกับโครงงานนั้น ในการเขียนรายงานนักเรียนควรใช้ภาษาที่อ่านง่าย ชัดเจน กระชับ และตรงไปตรงมา ให้ครอบคลุมหัวข้อต่างๆเหล่านี้
การเขียนรายงานเป็นวิธีการสื่อความหมายเพื่อให้ผู้อื่นได้เข้าใจแนวคิด วิธีดำเนินการศึกษาค้นคว้า ข้อมูลที่ได้ ตลอดจนข้อสรุปและข้อเสนอแนะต่างๆ เกี่ยวกับโครงงานนั้น ในการเขียนรายงานนักเรียนควรใช้ภาษาที่อ่านง่าย ชัดเจน กระชับ และตรงไปตรงมา ให้ครอบคลุมหัวข้อต่างๆเหล่านี้
5.1 ส่วนนำ
ส่วนนำ เป็นการให้ข้อมูลเกี่ยวกับโครงงานนั้นซึ่งประกอบด้วย
1. ชื่อโครงงาน
2. ชื่อผู้ทำโครงงาน
3. ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษา
4. คำขอบคุณ เป็นคำกล่าวขอบคุณบุคคลหรือหน่วยงาน ที่มีส่วนช่วยทำให้โครงงานสำเร็จ
5. บทคัดย่อ อธิบายถึงที่มา ความสำคัญ วัตถุประสงค์ วิธีดำเนินการ และผลที่ได้โดยย่อ
ส่วนนำ เป็นการให้ข้อมูลเกี่ยวกับโครงงานนั้นซึ่งประกอบด้วย
1. ชื่อโครงงาน
2. ชื่อผู้ทำโครงงาน
3. ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษา
4. คำขอบคุณ เป็นคำกล่าวขอบคุณบุคคลหรือหน่วยงาน ที่มีส่วนช่วยทำให้โครงงานสำเร็จ
5. บทคัดย่อ อธิบายถึงที่มา ความสำคัญ วัตถุประสงค์ วิธีดำเนินการ และผลที่ได้โดยย่อ
5.2 บทนำ
บทนำเป็นส่วนรายละเอียดของเนื้อหาของโครงงานซึ่งประกอบด้วย
1. ที่มาและความสำคัญของโครงงาน
2. เป้าหมายของการศึกษาค้นคว้า
3. ขอบเขตของโครงงาน
บทนำเป็นส่วนรายละเอียดของเนื้อหาของโครงงานซึ่งประกอบด้วย
1. ที่มาและความสำคัญของโครงงาน
2. เป้าหมายของการศึกษาค้นคว้า
3. ขอบเขตของโครงงาน
5.3 หลักการและทฤษฎี
หลักการและทฤษฎี เป็นส่วนสรุปข้อมูลที่ได้จากการศึกษาหาข้อมูลหรือหลักการ ทฤษฎี หรือวิธีการที่จะนำมาใช้ในการพัฒนาโครงงาน ซึ่งรวมถึงการระบุผลงานของผู้อื่นที่นักเรียนนำมาเปรียบเทียบหรือพัฒนาเพิ่มเติมด้วย
หลักการและทฤษฎี เป็นส่วนสรุปข้อมูลที่ได้จากการศึกษาหาข้อมูลหรือหลักการ ทฤษฎี หรือวิธีการที่จะนำมาใช้ในการพัฒนาโครงงาน ซึ่งรวมถึงการระบุผลงานของผู้อื่นที่นักเรียนนำมาเปรียบเทียบหรือพัฒนาเพิ่มเติมด้วย
5.4 วิธีดำเนินการ
วิธีดำเนินการ อธิบายขั้นตอนการดำเนินงานโดยละเอียด พร้อมทั้งระบุปัญหาหรืออุปสรรคที่พบพร้อมทั้งวิธีการที่ใช้แก้ไข พร้อมทั้งระบุวัสดุอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการทำงาน
วิธีดำเนินการ อธิบายขั้นตอนการดำเนินงานโดยละเอียด พร้อมทั้งระบุปัญหาหรืออุปสรรคที่พบพร้อมทั้งวิธีการที่ใช้แก้ไข พร้อมทั้งระบุวัสดุอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการทำงาน
5.5 ผลการศึกษา
ผลการศึกษา นำเสนอข้อมูลหรือระบบที่พัฒนาได้ โดยอาจแสดงเป็นตาราง หรือ กราฟ หรือข้อความ ทั้งนี้ให้คำนึงถึงความเข้าใจของผู้อ่านเป็นหลัก
ผลการศึกษา นำเสนอข้อมูลหรือระบบที่พัฒนาได้ โดยอาจแสดงเป็นตาราง หรือ กราฟ หรือข้อความ ทั้งนี้ให้คำนึงถึงความเข้าใจของผู้อ่านเป็นหลัก
5.6 สรุปผลและข้อเสนอแนะ
สรุปผลและข้อเสนอแนะ อธิบายผลสรุปที่ได้จากการทำ งาน ถ้ามีการตั้งสมมติฐานควรระบุด้วยว่าข้อมูลที่ได้สนับสนุนหรือคัดค้านสมมติฐานที่ตั้งไว้หรือยังสรุปไม่ได้ นอกจากนั้นยังควรกล่าวถึงการนำ ผลการทดลองหรือพัฒนาไปใช้ประโยชน์ อุปสรรคของการทำโครงงาน หรือข้อสังเกตที่สำคัญ หรือข้อผิดพลาดบางประการที่เกิดขึ้นจากการทำ โครงงานนี้ รวมทั้งข้อเสนอแนะเพื่อการปรับปรุงแก้ไขหากจะมีผู้ศึกษาค้นคว้าในเรื่องทำนองนี้ต่อไปในอนาคตด้วย
สรุปผลและข้อเสนอแนะ อธิบายผลสรุปที่ได้จากการทำ งาน ถ้ามีการตั้งสมมติฐานควรระบุด้วยว่าข้อมูลที่ได้สนับสนุนหรือคัดค้านสมมติฐานที่ตั้งไว้หรือยังสรุปไม่ได้ นอกจากนั้นยังควรกล่าวถึงการนำ ผลการทดลองหรือพัฒนาไปใช้ประโยชน์ อุปสรรคของการทำโครงงาน หรือข้อสังเกตที่สำคัญ หรือข้อผิดพลาดบางประการที่เกิดขึ้นจากการทำ โครงงานนี้ รวมทั้งข้อเสนอแนะเพื่อการปรับปรุงแก้ไขหากจะมีผู้ศึกษาค้นคว้าในเรื่องทำนองนี้ต่อไปในอนาคตด้วย
5.7 ประโยชน์
ประโยชน์ที่ได้รับจากโครงงาน ระบุประโยชน์ที่นักเรียนได้รับจากการพัฒนาโครงงานนั้น และประโยชน์ที่ผู้ใช้จะได้รับจากการนำผลงานของโครงงานไปใช้ด้วย
ประโยชน์ที่ได้รับจากโครงงาน ระบุประโยชน์ที่นักเรียนได้รับจากการพัฒนาโครงงานนั้น และประโยชน์ที่ผู้ใช้จะได้รับจากการนำผลงานของโครงงานไปใช้ด้วย
5.8 บรรณานุกรม
บรรณานุกรม รวบรวมรายชื่อหนังสือ วารสาร เอกสาร หรือเว็บไซด์ต่างๆ ที่ผู้ทำ โครงงานใช้ค้นคว้า หรืออ่านเพื่อศึกษาข้อมูลและรายละเอียดต่างๆ ที่นำมาใช้ประโยชน์ในการทำ โครงงานนี้การเขียนเอกสารบรรณานุกรมต้องให้ถูกต้องตามหลักการเขียนด้วย
บรรณานุกรม รวบรวมรายชื่อหนังสือ วารสาร เอกสาร หรือเว็บไซด์ต่างๆ ที่ผู้ทำ โครงงานใช้ค้นคว้า หรืออ่านเพื่อศึกษาข้อมูลและรายละเอียดต่างๆ ที่นำมาใช้ประโยชน์ในการทำ โครงงานนี้การเขียนเอกสารบรรณานุกรมต้องให้ถูกต้องตามหลักการเขียนด้วย
5.9 การจัดทำคู่มือการใช้งาน
หาโครงงานที่นักเรียนจัดทำ เป็นการพัฒนาระบบใหม่ขึ้นมา ให้นักเรียนจัดทำคู่มืออธิบายวิธีการใช้ผลงานนั้นโดยละเอียด ซึ่งประกอบด้วย
1. ชื่อผลงาน
2. ความต้องการของระบบคอมพิวเตอร์ ระบุรายละเอียดของคอมพิวเตอร์ที่ต้องมีเพื่อจะใช้ผลงานนั้นได้
3. ความต้องการของซอฟต์แวร์ ระบุรายชื่อซอฟต์แวร์ที่ต้องมีอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อจะให้ผลงานนั้นทำงานได้อย่างสมบูรณ์
4. คุณลักษณะของผลงาน อธิบายว่าผลงานนั้นทำ หน้าที่อะไรบ้าง รับอะไรเป็นข้อมูลขาเข้าและส่วนอะไรออกมาเป็นข้อมูลขาออก
5. วิธีการใช้งานของแต่ละฟังก์ชัน อธิบายว่าจะต้องกดคำสั่งใด หรือกดปุ่มใด เพื่อให้ผลงานทำงานในฟังก์ชันหนึ่งๆ
หาโครงงานที่นักเรียนจัดทำ เป็นการพัฒนาระบบใหม่ขึ้นมา ให้นักเรียนจัดทำคู่มืออธิบายวิธีการใช้ผลงานนั้นโดยละเอียด ซึ่งประกอบด้วย
1. ชื่อผลงาน
2. ความต้องการของระบบคอมพิวเตอร์ ระบุรายละเอียดของคอมพิวเตอร์ที่ต้องมีเพื่อจะใช้ผลงานนั้นได้
3. ความต้องการของซอฟต์แวร์ ระบุรายชื่อซอฟต์แวร์ที่ต้องมีอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อจะให้ผลงานนั้นทำงานได้อย่างสมบูรณ์
4. คุณลักษณะของผลงาน อธิบายว่าผลงานนั้นทำ หน้าที่อะไรบ้าง รับอะไรเป็นข้อมูลขาเข้าและส่วนอะไรออกมาเป็นข้อมูลขาออก
5. วิธีการใช้งานของแต่ละฟังก์ชัน อธิบายว่าจะต้องกดคำสั่งใด หรือกดปุ่มใด เพื่อให้ผลงานทำงานในฟังก์ชันหนึ่งๆ
6. การนำเสนอและแสดงโครงงาน การนำเสนอและการแสดงผลงานเป็นขั้นตอนที่สำคัญอีกขั้นตอนหนึ่งของการทำโครงงาน เพื่อแสดงออกถึงผลิตผลความคิด ความพยายามในการทำงานที่ผู้ทำโครงงานได้ทุ่มเท และเป็นวิธีทำให้ผู้อื่นได้รับรู้และเข้าใจถึงผลงานนั้น การเสนอผลงานอาจทำได้ในหลายรูปแบบต่างๆ กัน เช่น การแสดงผลงานโดยไม่มีการอธิบายประกอบการรายงานด้วยคำพูดในที่ประชุม การจัดนิทรรศการโดยโปสเตอร์และอธิบายด้วยคำพูด เป็นต้น โดยผลงานที่นำมาเสนอหรือจัดแสดงควรประกอบด้วยสิ่งต่อไปนี้
1. ชื่อโครงงาน
2. ชื่อผู้จัดทำโครงงาน
3. ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษา
4. คำอธิบายถึงที่มาและความสำคัญของโครงงาน
5. วิธีการดำเนินการที่สำคัญ
6. การสาธิตผลงาน
7. ผลการสังเกตและข้อสรุปสำคัญที่ได้จากการทำโครงงาน
1. ชื่อโครงงาน
2. ชื่อผู้จัดทำโครงงาน
3. ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษา
4. คำอธิบายถึงที่มาและความสำคัญของโครงงาน
5. วิธีการดำเนินการที่สำคัญ
6. การสาธิตผลงาน
7. ผลการสังเกตและข้อสรุปสำคัญที่ได้จากการทำโครงงาน
วันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2559
ใบงานที่ 3
บริการบนเครือข่าย INTERNET
เวิลด์ไวด์เว็บ (World Wide Web : WWW)
คือบริการค้นหาและแสดงข้อมูลแบบมัลติมีเดีย
บนอินเทอร์เน็ตทุกประเภท ซึ่งข้อมูลและสารสนเทศอาจจัดอยู่ในรูปแบบของข้อความ
รูปภาพ หรือ เสียงก็ได้ ข้อดีของบริการประเภทนี้คือ
สามารถเชื่อมโยงไปยังเว็บเพจหน้าอื่น หรือเว็บไซด์อื่นได้ง่าย เพราะใช้วิธีการของไฮเปอร์เท็กซ์
(Hypertext) โดยมีการทำงานแบบไคลเอนท์/เซิร์ฟเวอร์ (Client/Server)
ซึ่งผู้ใช้สามารถค้นหาข้อมูล
จากเครื่องที่ให้บริการซึ่งเรียกว่าเว็บเซิร์ฟเวอร์ โดยอาศัยโปรแกรม
ที่ใช้ดูข้อมูลเว็บเบราว์เซอร์ (Web Browser) ซึ่งผลที่ได้จะมีการแสดงเป็นไฮเปอร์เท็กซ์
ซึ่งในปัจจุบันมีการผนวกรูปภาพ เสียง ภาพเคลื่อนไหวและสามารถเชื่อมโยงไปยังเอกสารหรือข้อมูลอื่นๆได้โดยตรงเช่น http://www.yahoo.com สามารถค้นหาและเชื่อมโยงข้อมูลไปยังเรื่องราวต่างๆ
เช่น การศึกษาการท่องเที่ยว โรงแรมต่างๆ การรับส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ฯลฯ
เป็นต้น
จดหมายอิเล็กทรอนิกส์
(Electronic Mail)
หรือนิยมเรียกกันทั่วไปว่า “อีเมล์”
(E-mail) เป็นรูปแบบการติดต่อสื่อสาร ระหว่างกัน
และกันบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด สามารถส่งข้อความ
ไปยังสมาชิกที่ติดต่อด้วย โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที
และสามารถแนบไฟล์ข้อมูลไปพร้อมกับจดหมายได้อีกด้วย การส่งจดหมายในลักษณะนี้
จะต้องมีที่อยู่เหมือนกับการส่งจดหมายปกติ แต่ที่ของจดหมายอิเล็กทรอนิกส์
เราเรียกว่า E-mail Address
การสืบค้นข้อมูล (Search Engine)
คือ
บริการที่ใช้ในการค้นหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต โดยพิมพ์ข้อความที่ต้องการสืบค้น
เข้าไป โปรแกรมจะทำการค้นหาข้อมูลที่ต้องการ ให้ภายในเวลาไม่กี่นาที
โปรแกรมประเภทนี้เราเรียกว่าSearch Engines เพราะฉะนั้นถ้าเราไม่สามารถจำชื่อเว็บไซด์
บางเว็บได้ ก็สามารถใช้วิธีการสืบค้นข้อมูล ในลักษณะนี้ได้
เว็บไซด์ที่ทำหน้าที่เป็น Search Engines มีอยู่เป็นจำนวนมาก
เช่น google.com , yahoo.com ,sanook.com ฯลฯ เป็นต้น
ที่มา : https://aphichatmt.wordpress.com
วันอาทิตย์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2559
ใบงานที่ 2
การใช้งาน WEB BROWSER
SAFARI
จากข้อมูลของทาง
Apple.com ก็ได้กล่าวถึงโปรแกรม Safari ว่าเป็นโปรแกรมท่องเว็บไซต์ที่เร็วที่สุด
โดยเปรียบเทียบกับ Browser อื่น เช่น Firefox หรือ Internet Explorer แต่ก็เป็นข้อมูลจากทาง
Apple.com ซึ่งก็ขอให้ผู้อ่านฟังหูไว้หู อย่าเชื่อข้อมูลของทาง
Apple.com มากนัก และจากประสบการณ์ที่ผู้เขียนใช้งานมาทั้ง
Safari Firefox และ Internet Explorer ในความรู้สึกส่วนตัวเห็นว่า
Safari เองเร็วกว่า Internet Explorer อย่างเห็นได้ชัด
แต่ต่างกับ Firefox เล็กน้อย โดยขั้นตอนการโหลดเว็บของ
Safari จะกระตุกสักครู่แล้วมาหมดทีเดียวทั้งหน้าเลย ต่างจาก
Firefox ที่จะมีกรอบเหลี่ยมๆ ก่อนแล้วแต่ละส่วนค่อยๆ โหลดมา ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดาเพราะเทคนิคการเขียนโปรแกรมนั้นแตกต่างกัน
ที่มา : https://sites.google.com/site/chanoksuda12539/useful-links
ใบงานที่ 1
INTERNET & WEB BROWSER
Internet คืออะไร?
อินเตอร์เนต(Internet) คือ เครือข่ายนานาชาติ ที่เกิดจากเครือข่ายขนาดเล็กมากมาย รวมเป็นเครือข่ายเดียวทั้งโลก หรือเครือข่ายสื่อสาร ซึ่งเชื่อมโยงระหว่างคอมพิวเตอร์ทั้งหมด ที่ต้องการเข้ามาในเครือข่าย
Web Browser คืออะไร?
เว็บเบราว์เซอร์ (web browser) เบราว์เซอร์ หรือ โปรแกรมดูเว็บ คือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ที่ผู้ใช้สามารถดูข้อมูลและโต้ตอบกับข้อมูลสารสนเทศที่จัดเก็บในหน้าเวบที่สร้างด้วยภาษาเฉพาะ เช่น ภาษาเอชทีเอ็มแอล (html) ที่จัดเก็บไว้ที่ระบบบริการเว็บหรือเว็บเซิร์ฟเวอร์ หรือระบบคลังข้อมูลอื่น ๆ โดยโปรแกรมค้นดูเว็บเปรียบเสมือนเครื่องมือในการติดต่อกับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่เรียกว่าเวิลด์ไวด์เว็บ
ตัวอย่าง Web Browser
1.Internet Explorer
คือ โปรแกรม Internet Explorer เรียกย่อๆ ว่า IE เป็นโปรแกรมเบราเซอร์ที่ใช้ในการเปิดเว็บเพจในอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็น Application Software ที่ผลิตโดยบริษัท Microsoft ส่วนประกอบที่สำคัญของโปรแกรม
2.Mozilla Firefox
คือ หลาย ๆ คนที่เล่นเน็ทเป็นเปิดเว็บไซท์เป็นคงจะรู้จักกับคำว่าเว็บบราวเซอร์ หรือโปรแกรมท่องเว็บ ส่วนใหญ่แล้วเราคงจะรู้จักกันแต่ Internet Explorer ของMicrosoft จอมผูกขาด คุณรู้หรือเปล่าว่า IE ที่คุณใช้อยู่นั้น ณ เวลาปัจจุบันมันไม่ปลอดภัยเอาเสียเลย เพราะว่าทางทีมงานเค้าไม่ได้พัฒนามานานแล้ว ฉะนั้นเรื่องความปลอดภัยไม่ต้องถามหา ซึ่ง Firefox นั้นเป็นอินเทอร์เน็ทบราวเซอร์ตัวใหม่ที่จะเข้ามาแข่งกับ IE < Internet Explorer> นำทีมสร้างโดย Mozilla โดยมีนักพัฒนาต่อยอดอยู่ทั่วทุกมุมโลก คุณสมบัติของ Firefox ที่เด่นกว่า IE คือ โปรแกรมมีขนาดเล็กกว่าทำให้การโหลดข้อมูล ทางหน้าเว็บเพจทำได้รวดเร็ว ใช้งานได้สะดวก แท็บด้านบนทำให้ทำให้เข้าได้หลายเว็บไซด์พร้อมๆกันโดยไม่ต้องเปิด window ใหม่ อีกทั้งยังมีการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องอินเทอร์เน็ต เช่น เมนูของGoogle สำหรับการค้นหาข้อมูล
3.Google Chrome
คือ เว็บเบราว์เซอร์ใหม่สำหรับ Windows ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยทาง Google เอง และเป็นเบราว์เซอร์ที่รวมการออกแบบที่เรียบง่ายเข้ากับเทคโนโลยีที่ซับซ้อนเพื่อทำให้เว็บรวดเร็วขึ้น ปลอดภัยขึ้น และใช้งานง่ายขึ้น รายละเอียดบางส่วนของ Google Chrome ค้นหาจากแถบที่อยู่ พิมพ์ในแถบที่อยู่ และรับคำแนะนำสำหรับทั้งหน้าการค้นหาและหน้าเว็บ ภาพขนาดเล็กของเว็บไซต์โปรดของคุณ เข้าถึงหน้าเว็บโปรดของคุณได้ทันทีอย่างรวดเร็วจากแท็บใหม่ใดๆ ก็ตาม การเรียกดูส่วนตัว เปิดหน้าต่างที่ไม่ระบุตัวตนเมื่อคุณไม่ต้องการบันทึกไว้ในประวัติการเรียกดูของคุณ
4.Opera
เป็นเบราว์เซอร์จากนอร์เวย์โดยมีประสิทธิภาพการทำงานที่ดีเยี่ยมและเชื่อถือได้ตั้งแต่สงครามเบราว์เซอร์ล่าสุดกับ Microsoft หลังจากที่แข่งขันได้ Opera ในช่วงอาชีพของส่วนใหญ่ของพื้นที่ฝัง, เช่นถนนโทรศัพท์มือถือขี่หมาป่าและกระตือรือร้น counter – พอใจเปิดตัวในระบบเดสก์ทอป Opera ก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการในปี 2006 และการจัดตั้ง บริษัท ย่อยของจีน R & D ทีมนี้เป็นไอทีและโทรคมนาคมในประเทศจีน CEO Interview กับ Opera และ Opera Song Lin, ผู้จัดการฝ่ายการตลาดของจีนวัง Lihao จำนวนน้อยยากที่จะจินตนาการ, ผูกขาด Microsoft ในเขตเบราว์เซอร์หลายปีกลุ่มของ infidels"ที่จากโลกล่าสุดได้รับการต่อไปนี้ช่วงกลาง 90s จากเบราเซอร์นอร์เวย์ Opera นี้กับความจริงที่ว่าทนเงียบไป Microsoft เจ้าโลกผูกขาด IE เหล่านี้ไม่ยอมให้เผชิญหน้ากับความมืดเงียบที่ไม่เป็นจริงออกจากจุดประกาย คนเหล่านี้เช่น"ผู้นำศาสนา Apple"นำโดย Steve Jobs of Apple และแฟน Apple ไม่ซ้ำกัน แต่ยังมีผลประโยชน์ ดังนั้นเบราเซอร์โอเปร่าที่มีชื่อเสียงที่รู้จัก กัน Swiss Army Knife
5.Safari
จากข้อมูลของทาง Apple.com ก็ได้กล่าวถึงโปรแกรม Safari ว่าเป็นโปรแกรมท่องเว็บไซต์ที่เร็วที่สุด โดยเปรียบเทียบกับ Browser อื่น เช่น Firefox หรือ Internet Explorer แต่ก็เป็นข้อมูลจากทาง Apple.com ซึ่งก็ขอให้ผู้อ่านฟังหูไว้หู อย่าเชื่อข้อมูลของทาง Apple.com มากนัก และจากประสบการณ์ที่ผู้เขียนใช้งานมาทั้ง Safari Firefox และ Internet Explorer ในความรู้สึกส่วนตัวเห็นว่า Safari เองเร็วกว่า Internet Explorer อย่างเห็นได้ชัด แต่ต่างกับ Firefox เล็กน้อย โดยขั้นตอนการโหลดเว็บของ Safari จะกระตุกสักครู่แล้วมาหมดทีเดียวทั้งหน้าเลย ต่างจาก Firefox ที่จะมีกรอบเหลี่ยมๆ ก่อนแล้วแต่ละส่วนค่อยๆ โหลดมา ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดาเพราะเทคนิคการเขียนโปรแกรมนั้นแตกต่างกัน
ที่มา :
1.http://it.travel2mukdahan.com/2013/04/web-browser.html
2.http://guru.sanook.com/2774/
ตัวอย่าง Web Browser
1.Internet Explorer
คือ โปรแกรม Internet Explorer เรียกย่อๆ ว่า IE เป็นโปรแกรมเบราเซอร์ที่ใช้ในการเปิดเว็บเพจในอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็น Application Software ที่ผลิตโดยบริษัท Microsoft ส่วนประกอบที่สำคัญของโปรแกรม
2.Mozilla Firefox
คือ หลาย ๆ คนที่เล่นเน็ทเป็นเปิดเว็บไซท์เป็นคงจะรู้จักกับคำว่าเว็บบราวเซอร์ หรือโปรแกรมท่องเว็บ ส่วนใหญ่แล้วเราคงจะรู้จักกันแต่ Internet Explorer ของMicrosoft จอมผูกขาด คุณรู้หรือเปล่าว่า IE ที่คุณใช้อยู่นั้น ณ เวลาปัจจุบันมันไม่ปลอดภัยเอาเสียเลย เพราะว่าทางทีมงานเค้าไม่ได้พัฒนามานานแล้ว ฉะนั้นเรื่องความปลอดภัยไม่ต้องถามหา ซึ่ง Firefox นั้นเป็นอินเทอร์เน็ทบราวเซอร์ตัวใหม่ที่จะเข้ามาแข่งกับ IE < Internet Explorer> นำทีมสร้างโดย Mozilla โดยมีนักพัฒนาต่อยอดอยู่ทั่วทุกมุมโลก คุณสมบัติของ Firefox ที่เด่นกว่า IE คือ โปรแกรมมีขนาดเล็กกว่าทำให้การโหลดข้อมูล ทางหน้าเว็บเพจทำได้รวดเร็ว ใช้งานได้สะดวก แท็บด้านบนทำให้ทำให้เข้าได้หลายเว็บไซด์พร้อมๆกันโดยไม่ต้องเปิด window ใหม่ อีกทั้งยังมีการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องอินเทอร์เน็ต เช่น เมนูของGoogle สำหรับการค้นหาข้อมูล
3.Google Chrome
คือ เว็บเบราว์เซอร์ใหม่สำหรับ Windows ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยทาง Google เอง และเป็นเบราว์เซอร์ที่รวมการออกแบบที่เรียบง่ายเข้ากับเทคโนโลยีที่ซับซ้อนเพื่อทำให้เว็บรวดเร็วขึ้น ปลอดภัยขึ้น และใช้งานง่ายขึ้น รายละเอียดบางส่วนของ Google Chrome ค้นหาจากแถบที่อยู่ พิมพ์ในแถบที่อยู่ และรับคำแนะนำสำหรับทั้งหน้าการค้นหาและหน้าเว็บ ภาพขนาดเล็กของเว็บไซต์โปรดของคุณ เข้าถึงหน้าเว็บโปรดของคุณได้ทันทีอย่างรวดเร็วจากแท็บใหม่ใดๆ ก็ตาม การเรียกดูส่วนตัว เปิดหน้าต่างที่ไม่ระบุตัวตนเมื่อคุณไม่ต้องการบันทึกไว้ในประวัติการเรียกดูของคุณ
4.Opera
เป็นเบราว์เซอร์จากนอร์เวย์โดยมีประสิทธิภาพการทำงานที่ดีเยี่ยมและเชื่อถือได้ตั้งแต่สงครามเบราว์เซอร์ล่าสุดกับ Microsoft หลังจากที่แข่งขันได้ Opera ในช่วงอาชีพของส่วนใหญ่ของพื้นที่ฝัง, เช่นถนนโทรศัพท์มือถือขี่หมาป่าและกระตือรือร้น counter – พอใจเปิดตัวในระบบเดสก์ทอป Opera ก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการในปี 2006 และการจัดตั้ง บริษัท ย่อยของจีน R & D ทีมนี้เป็นไอทีและโทรคมนาคมในประเทศจีน CEO Interview กับ Opera และ Opera Song Lin, ผู้จัดการฝ่ายการตลาดของจีนวัง Lihao จำนวนน้อยยากที่จะจินตนาการ, ผูกขาด Microsoft ในเขตเบราว์เซอร์หลายปีกลุ่มของ infidels"ที่จากโลกล่าสุดได้รับการต่อไปนี้ช่วงกลาง 90s จากเบราเซอร์นอร์เวย์ Opera นี้กับความจริงที่ว่าทนเงียบไป Microsoft เจ้าโลกผูกขาด IE เหล่านี้ไม่ยอมให้เผชิญหน้ากับความมืดเงียบที่ไม่เป็นจริงออกจากจุดประกาย คนเหล่านี้เช่น"ผู้นำศาสนา Apple"นำโดย Steve Jobs of Apple และแฟน Apple ไม่ซ้ำกัน แต่ยังมีผลประโยชน์ ดังนั้นเบราเซอร์โอเปร่าที่มีชื่อเสียงที่รู้จัก กัน Swiss Army Knife
5.Safari
จากข้อมูลของทาง Apple.com ก็ได้กล่าวถึงโปรแกรม Safari ว่าเป็นโปรแกรมท่องเว็บไซต์ที่เร็วที่สุด โดยเปรียบเทียบกับ Browser อื่น เช่น Firefox หรือ Internet Explorer แต่ก็เป็นข้อมูลจากทาง Apple.com ซึ่งก็ขอให้ผู้อ่านฟังหูไว้หู อย่าเชื่อข้อมูลของทาง Apple.com มากนัก และจากประสบการณ์ที่ผู้เขียนใช้งานมาทั้ง Safari Firefox และ Internet Explorer ในความรู้สึกส่วนตัวเห็นว่า Safari เองเร็วกว่า Internet Explorer อย่างเห็นได้ชัด แต่ต่างกับ Firefox เล็กน้อย โดยขั้นตอนการโหลดเว็บของ Safari จะกระตุกสักครู่แล้วมาหมดทีเดียวทั้งหน้าเลย ต่างจาก Firefox ที่จะมีกรอบเหลี่ยมๆ ก่อนแล้วแต่ละส่วนค่อยๆ โหลดมา ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดาเพราะเทคนิคการเขียนโปรแกรมนั้นแตกต่างกัน
ที่มา :
1.http://it.travel2mukdahan.com/2013/04/web-browser.html
2.http://guru.sanook.com/2774/
วันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2559
MY PROFILE
NAME : PARICHAYA THAISRUANGTHANAWAT
NICKNAME : PUPAE AGE : 16 YEARS OLD
BIRTHDAY : 26 AUGUST 1999
SCHOOL : ASSUMPTION COLLEGE RAYONG
NATIONALITY : THAI RELIGION : BUDDHISM
FAVORITE SUBJECT : ENGLISH , ART , BIOLOGY
FAVORITE COLOR : BLACK , WHITE , GRAY , RED , PINK , BLUE
FAVORITE SPORT : BASKETBALL , BADMINTON
HOBBY : LISTEN MUSIC , PLAY GAME , WATCH MOVIE
GMAIL : PUPAE.PARICHAYA@GMAIL.COM
LINE : PUPAEPRCY IG : PUPAEPARICH SNAPCHAT : PUPAEPRCH
IN THE FUTURE I WANT TO BE : ARCHITECT , ART DIRECTOR
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)